น่าเสียดายที่ระบบการเรียนการสอนในโรงเรียนของเรา
ตั้งแต่ระดับประถม มัธยมไม่ได้ฝึกในด้านความคิดสร้างสรรค์เลย
เราเรียนรู้แบบฟัง การสอนแล้วฝึกการแก้ปัญหาโจทย์ มาตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้ครับ
เราประเมินผลคนเรียนเก่ง จากการที่มีความสามารถในการจำ และคิดแก้ปัญหาโจทย์ได้
การเรียนการสอนแบบนี้
ทำให้เด็กของเราต้องอ่านหนังสือซ้ำๆ กันหลายๆ รอบ
ฝึกทำโจทย์ด้วยทฤษฎีเดิมๆ กระบวนการแก้โจทย์เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบที่ถูกต้อง
และแน่นอนครับว่า คำตอบที่ถูกมีคำตอบเดียว
เพราะมันใช้วิธีการเดียวที่จะได้มาซึ่งคำตอบ
ดังนั้นเด็กของเราก็เก่งในการหาคำตอบ
ซึ่งมันก็ดีในแง่หนึ่ง
แต่มันเสียดายที่โรงเรียนตั้งมากมาย แต่ฝึกเด็กในรูปแบบเดียว
แล้วเราก็ติดนิสัยอย่างนี้จนไปเข้ามหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเองก็มีการเรียนการสอนส่วนมาก ที่ยังขาดการฝึกให้เด็กคิด
พวกเราแทบทั้งประเทศเลยมีคนทำงานเก่ง แต่คิดไม่เก่งครับ
ความคิดสร้างสรรค์มันต้องฝึกฝน
มันเป็นการทำให้สมองส่วนหน้า คุ้นเคยกับการคิดที่แตกต่าง
และที่สำคัญคือ คิดให้ดีกว่าเดิม มองโลก มองสังคม มองปัญหาในแง่บวก
ในแทบทุกประเทศที่มีการสร้างนวัตกรรม จนร่ำรวย
เขามีสถาบันฝึกเรื่องนี้กันมากมาย
ผมเคยไปดูงานที่ San francisco สหรัฐอเมริกา
เขาสามารถใช้ระบบการสอนแบบความคิดสร้างสรรค์
คือให้เด็ก เรียนรู้
เขาเชื่อว่า ยิ่งบอกยิ่งสอนมาก ก็ยิ่งคิดน้อย
สอนน้อยๆ แต่กระตุ้นให้เด็กเรียนรู้
ก็จะทำให้เด็ก คิดเอง และเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ผมพาลูกสาวอายุ 6 ขวบไปอบรม
2-3 วันเด็กก็ทำหนังเองได้ โดยแทบไม่ต้องสอน
บ้านเรา ยังยึดติดกับความเชื่อที่ว่า
ถ้าไม่สอนเด็กจะไม่รู้
พวกเราเลยค่อนข้างไม่มั่นใจ ถ้าคิดต่างจากคนอื่นๆ ในสังคม
และมักใช้ชีวิตกันด้วยความเคยชิน
พวกเราอาจจะลองฝึกฝนตนเองง่ายๆ
เริ่มจากมองสิ่งที่เราคุ้นเคยแล้วถามตัวเองว่า
มันดีแล้วเหรอ
มีอะไรที่น่าจะดีกว่านี้
เมื่อเดือนที่แล้วมีบริษัทต่างประเทศแห่งหนึ่งเชิญให้ผมไปอบรมให้พนักงาน
ผมใช้ หลักสูตร Creative Plus
ปฎิบัติการฝึกความคิดสร้างสรรค์เพื่อฝึกฝนด้านความคิด
เขายอมจ่ายเงินเพื่อให้พนักงานซึ่งเป็นคนไทย
ที่จบปริญญาตรี ปริญญาโท ทำงานมาหลายปี ได้เข้าอบรม
เพราะอยากให้เจ้าหน้าที่มีของเขาความคิดสร้างสรรค์ ครับ
บริษัทต่างประเทศ เห็นคุณค่าของ ความคิด ครับ
การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน น่าจะเป็นโอกาสอย่างยิ่งของคนไทย
เราคงต้องเร่งส่งเสริมให้เกิดหลักสูตร และสถาบันฝึกฝนด้านนี้ให้มากกว่าที่เป็นอยู่
ตอนนี้เรามีการฝึกฝนด้านนี้ที่ คณะวิศวะ จุฬาฯ ก็มีนิสิตสนใจลงทะเบียนเรียนกันมาก
มีมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ที่ประกาศวิสัยทัศน์จะให้นักศึกษา คิด อย่างสร้างสรรค์
และมีการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนได้แล้วในบางส่วน
เรามี TCDC สำนักงานศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ
Thailand Creative & Design Center ที่พอจะช่วยให้เราคิดสร้างสรรค์
แต่ก็จะเน้นไปในด้านการออกแบบ
นักเรียน นิสิต นักศึกษาไปสมัครเป็นสมาชิกได้ครับ
มีหนังสือ วารสาร ที่น่าสนใจให้ค้นคว้าตั้งอยู่ที่ ดิ เอ็มโพเรียม ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ ชั้น 6
หรือจะไปดูข้อมูลออนไลน์ในเว็บ TCDC รวมทั้งไปโหลดวารสาร "คิด" มาอ่านก็น่าจะดีครับ
แต่สิ่งที่ผมอยากเห็นที่สุด
คือเราน่าจะมีโรงเรียนที่กำหนดวิสัยทัศน์ไปเลยว่า จะสร้างคนที่ คิดเก่ง
แล้วก็เปลี่ยนการสอนการสอบ ใหม่ เพื่อฝึกนักเรียนให้ คิด
น่าเสียดายจริงๆ ครับ มีโรงเรียนมากมายแต่สอนเหมือนกันทุกโรง
สิ่งสุดท้ายที่ผมคิดว่า พวกเราต้องมีเพื่อก้าวสู่สังคมอาเซียน คือ ความรู้ ครับ
ความรู้ที่เราต้องมีนี้...
ต้องเป็นความรู้ที่ใช้ได้ ไม่ใช่ความรู้ใช้ไปสอบนะครับ
ความรู้ทุกวันนี้มันวิ่งเร็วมาก
เช่น ตอนนี้ สถาบันทดลองทางฟิสิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
CERN lab in Geneva, Switzerland,ทำการทดลอง
และเชื่อว่า neutrinos วิ่งเร็วกว่าแสง นั่นคือการค้นพบที่ล้มล้างแนวคิดของไอสไตน์
สิ่งที่เราต้องรู้ คือความรู้ที่เราจะนำไปใช้จริงครับ
ใครเรียนด้านอาชีวะ ก็ต้องทำงานได้จริง มีความรู้จริง มีฝีมือจริง
จะเรียนด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์
ก็ต้องค้นคว้าหาความรู้ในงานของตนเองอยู่ตลอดเวลา
ต้องเป็นคนที่ใฝ่รู้และเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ
อยากรู้เรื่องราวประเทศเพื่อนบ้าน
อยากเปิดโอกาสให้ตนเองมีงานทำในระดับภูมิภาค
อยากรู้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านพลังงาน
อยากรู้อะไรก็ไม่ยากแล้วครับ
แค่อาจารย์ Google และอาจารย์ Youtube ก็ช่วยได้
ก็หวังว่าสิ่งที่นำเสนอคงจะพอเกิดประโยชน์กับพวกเรานะครับ
ต้องสื่อสาร
ต้องสร้างสรรค์
และต้องหมั่นหาความรู้
เริ่มได้ด้วยตัวเองครับ
หวังเห็นเราเก่งและดี จากอาจารย์วิริยะ
โดย อ.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์
ที่มา http://blog.eduzones.com/aec/85444
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น